ขนาดถุงยาง เรื่องลับที่ช่วยให้เรื่องรักสนุกและปลอดภัยมากกว่าเดิม

ขนาดถุงยาง

ถุงยางอนามัยถือว่าอาวุธสำคัญที่จะขาดไม่ได้สำหรับกิจกรรมรัก แต่ในท้องตลาดมีขนาดถุงยางอนามัยให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น 49 หรือ 52 หรือ 54 เอ๊ะ แล้วน้องชายของเรามีขนาดเท่าไรล่ะ บทความนี้ จะพาคุณไปวัดขนาดน้องชาย ก่อนที่จะหาไซส์ถุงยางที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถสนุกกับคู่รักได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย

วิธีวัดขนาดถุงยาง

วิธีวัดขนาดถุงยาง

ถุงยางอนามัย (Condom) เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำยางธรรมชาติ น้ำยางสังเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่ใช้สวมอวัยวะเพศชายในขณะร่วมเพศ เพื่อป้องกันน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด เป็นการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

ดังนั้น เมื่อเราต้องการที่จะวัดไซส์ถุงยาง ก่อนอื่นเลย เราต้องทราบขนาดน้องชายของเราเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถทราบได้ว่า เราควรจะใช้ขนาดถุงยางที่เท่าไร

โดยการวัดขนาดน้องชาย หรือ การวัดขนาดอวัยวะเพศชายนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากเราวัดขนาดผิด ก็อาจจะทำให้ซื้อถุงยางผิดไซส์ได้ ซึ่งการใช้งานที่ไม่ถูกไซส์นั้นก็จะทำให้มีปัญหาตามมามากมาย เช่น

  • ถ้าซื้อขนาดถุงยางที่เล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้ถุงยางฉีกขาดได้ ทำให้ถุงยางแตก สวมใส่ลำบาก  รู้สึกเจ็บน้องชายเวลามีเพศสัมพันธ์
  • แต่ถ้าซื้อขนาดถุงยางที่ใหญ่เกินไป เวลาที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางก็อาจจะเลื่อนหลุดเข้าไปในอวัยวะเพศฝ่ายหญิงได้ และอาจจะทำให้ฝ่ายหญิงไม่รู้สึกสนุกเท่าที่ควร เพราะถุงยางไม่กระชับนั่นเอง
  • การตั้งครรภ์ไม่พร้อมของฝ่ายหญิง
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองใน, หูดหงอนไก่ เป็นต้น

ดังนั้น เราควรต้องรู้วิธีวัดไซส์ถุงยาง หรือวัดขนาดเส้นรอบวงของน้องชาย เพื่อหาขนาดถุงยางที่เหมาะสม จากการอ้างอิงของกรมการแพทย์ พบว่า ค่าเฉลี่ยความยาวของอวัยวะเพศของชายไทยมีขนาดความยาวของอวัยวะเพศอยู่ที่ 4 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ได้สัดส่วน กำลังดีอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ในแถบอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา ที่มีขนาดความยาวเฉลี่ยเท่ากันที่ 4 นิ้ว

ทีนี้ เราลองมาดูวิธีวัดขนาดน้องชายที่ถูกต้องและได้มาตรฐานกันบ้าง โดยเราจะนำเสนอด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี ได้แก่

  1. การใช้เชือก หรือสายวัดตัวซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด โดยนำมาวัดขนาดน้องชาย ในตอนที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ แล้วใช้สายวัดพันรอบอวัยวะเพศชาย บริเวณตรงกลางลำของน้องชาย โดยใช้มาตรวัดเป็นมิลลิเมตร (มม.) จดค่าที่ได้ จากนั้น นำค่าที่ได้มาหารด้วย 2.3 ก็จะได้ขนาดมิลลิเมตรเป็นตัวเลขออกมา เช่น หากคุณวัดน้องชายได้ 113 นำมาหาร 2.3 ก็จะได้ 49 ซึ่งก็จะเป็นขนาดมิลลิเมตรสำหรับการซื้อถุงยางที่ถูกไซส์ของคุณ
  2. ใช้สายวัดอวัยวะเพศชายมาตรฐาน ซึ่งวิธีใช้งานง่าย ๆ คือ พิมพ์สายวัดนี้ลงในกระดาษ และตัดออกมาให้เป็นรูปทรงที่กำหนด แล้วนำมาเทียบกับน้องชายของเราได้เลย
  3. วัดผ่าน Application หรือเข้าเว็บไซต์ Mysize Measure โดยใน Application จะแสดงผลมาตรวัดขนาดน้องชายได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด โดยการวางน้องชายทาบ หรือเปรียบเทียบด้วยสายตากับน้องชายของคุณเอง ซึ่งจะมีขนาดของไซส์ถุงยางที่เหมาะสมแนะนำให้ด้วย

แต่มีอีกเทคนิคหนึ่งที่หลาย ๆ คนมักเลือกใช้ก็คือ ให้วัดขนาดน้องชายแล้วลองซื้อมาลองใช้กันเลย โดยอาจจะเลือกไซส์ถุงยางอนามัยที่มีขนาดใกล้เคียงกับขนาดของน้องชาย เช่น ถ้าคุณกำลังลังเลระหว่าง ขนาด 49 และ 52 ก็ซื้อมาลองทั้ง 2 ขนาด แล้วเปรียบเทียบว่า ถุงยางไซส์ไหน สามารถสวมใส่ได้พอดีมากที่สุด ถือว่าเป็นการลงทุนแค่ครั้งเดียว แต่จะทำให้คุณเลือกซื้อถุงยางถูกไซส์ไปตลอดชีวิต 


ขนาดถุงยาง มีไซส์อะไรบ้าง

หลังจากที่เราทราบขนาดน้องชายกันไปแล้ว ทีนี้ เราลองมาดูขนาดถุงยางอนามัยกันบ้าง ว่า ถุงยางอนามัยมีกี่ขนาด ถุงยางมีไซส์อะไรบ้าง แล้วหากเรามีขนาดน้องชายเท่านี้ จะต้องใช้ขนาดไซส์ถุงยางเท่าไหน

ซึ่งโดยปกติแล้ว ขนาดถุงยางที่จำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นขนาดสากล โดยที่ทุกยี่ห้อจะต้องจำหน่าย คือ ขนาด 49 (ถุงยางไซส์เล็กสุด) ,52 ,54 และ 56 มม. โดยตัวเลข คือ เส้นรอบวงของอวัยวะเพศชาย ซึ่งไม่ใช่ขนาดความยาวอย่างที่หลายคนเข้าใจ

แต่บางยี่ห้อก็อาจจะมีขนาดถุงยางมากกว่า 4 ขนาดดังกล่าว อย่างถุงยางอนามัยยี่ห้อ Durex จะมีตั้งแต่ไซส์ 49, 52, 52.5, 53, 54 และ 56 มม. ถือว่ามีขนาดถุงยางให้เลือกมากที่สุดแล้วในท้องตลาดปัจจุบัน โดยในแต่ละขนาด สามารถอธิบายได้ดังนี้

  • ขนาด 49 มม. สำหรับอวัยวะเพศชายที่มีเส้นรอบวง 11-12 ซม.หรือประมาณ 4.5 นิ้ว 
  • ขนาด 52 มม. สำหรับอวัยวะเพศชายที่มีเส้นรอบวง 12-13 ซม.หรือประมาณ 5 นิ้ว 
  • ขนาด 54 มม. สำหรับอวัยวะเพศชายที่มีเส้นรอบวง 13-14 ซม.หรือประมาณ 5.5 นิ้ว 
  • ขนาด 56 มม. สำหรับอวัยวะเพศชายที่มีเส้นรอบวง 14-15 ซม.หรือประมาณ 6 นิ้ว ขึ้นไป

โดยการเลือกขนาดถุงยาง ควรจะเลือกให้มีขนาดที่พอดีกับน้องชายของเรา ไม่ให้คับหรือหลวมเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการฉีกขาดหรือเลื่อนหลุดได้ง่าย แต่ทั้งนี้ ขนาดในแต่ละยี่ห้อก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนกันไปในแต่ละยี่ห้อ ดังนั้น คุณจึงควรเลือกและทดลองใช้ให้ดีก่อนลงสนามจริง เพื่อให้การมีเพศสัมพันธ์ของคุณและคู่รักมีความสุขและปลอดภัยที่สุด


นอกจากขนาดแล้ว เรายังต้องพิจารณาจากอย่างอื่นด้วยนะ

ขนาดถุงยางองค์ประกอบอื่น

ด้วยถุงยางอนามัย ถือว่าเป็นอาวุธคู่ใจที่จะลงสนาม เพราะฉะนั้น นอกจากที่เราจะถามว่า ถุงยางมีไซส์อะไรบ้าง เรายังต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่น ๆ อีกด้วย เพราะไม่ใช่แค่ขนาดถุงยางอนามัยที่พอดีตัว ไม่หลวมหรือคับเกินไปแล้ว ลักษณะอื่น ๆ ของถุงยางก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น

1. ความหนา-บาง

นอกจากจะเลือกขนาดถุงยางแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่คุณผู้ชายทั้งหลายต้องรู้ไว้ก็คือ ความหนาบางของถุงยาง เพราะความหนาบางของถุงยางอนามัยนั้น มีผลต่อความรู้สึกขณะสอดใส่เวลามีเพศสัมพันธ์ของฝ่ายชายเป็นอย่างมาก

โดยทั่วไปแล้ว ความหนาของถุงยางอนามัยจะอยู่ตั้งแต่ 0.05-0.07 มิลลิเมตร แต่บางคนอาจจะมองว่า เมื่อสวมใส่แล้ว ทำให้ไม่รู้สึกถึงการเสียดสีเมื่อสอดใส่ ในเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ เราก็อาจจะเลือกซื้อถุงยางที่มีความบางเป็นพิเศษ แบบ 0.02-0.01 มิลลิเมตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรู้สึกเวลาสอดใส่ ให้ฟีลเหมือนกับการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยได้ทันที 

2. วัสดุ

ขนาดถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด มักจะทำมาจากยางธรรมชาติ ซึ่งน้อยคนที่จะมีอาการแพ้หรือระคายเคือง แต่ก็มีบางคนที่อาจจะแพ้ยางจากธรรมชาติก็เป็นได้ จึงต้องเลือกใช้ยางจากสารสังเคราะห์แทน โดยทั้ง 2 แบบมีรายละเอียด ดังนี้

  • ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom) ข้อดีคือ ราคาถูก ยืดหยุ่นได้ดี สวมใส่กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)
  • ชนิดที่ทำจาก Polyurethane หรือ Polyisoprene (ถุงยางพลาสติก) มีความเหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 0.1 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าแบบน้ำยางพารา

ดังนั้น ก่อนที่จะมีกิจกรรมเพศสัมพันธ์ ก็ควรจะตรวจเช็กคู่รักให้ดีเสียก่อนว่ามีอาการแพ้ยางธรรมชาติหรือไม่ หากแพ้ ก็ควรหาถุงยางอนามัยที่ผลิตมาจากสารสังเคราะห์ จำพวกโพลียูรีเทน แต่อาจมีราคาแพงและหาซื้อยาก ทำให้ต้องสั่งซื้อออนไลน์หรือนำเข้าอย่างเดียว

3. สารชะลอการหลั่ง

ในปัจจุบัน เราสามารถเลือกซื้อถุงยางอนามัยแบบมีสารชะลอการหลั่งได้ โดยช่วยแก้ปัญหาการหลั่งเร็วได้ เพราะในถุงยางอนามัยประเภทนี้ จะมีสารบางอย่างที่ช่วยทำให้คุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ก็อาจจะมีราคาที่สูงกว่าถุงยางอนามัยแบบอื่นเล็กน้อย

และนอกจากสารชะลอการหลั่งแล้ว โดยปกติ จะมีการเติมสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัยด้วย ซึ่งจะเป็นสารหล่อลื่นชนิดน้ำ (Water-Based Lubricants) มีน้ำหรือซิลิโคนเป็นตัวละลาย เช่น กลีเซอรีน เค-วายเจลลี่ ที่ช่วยให้กิจกรรมรักสนุกกว่าที่เคย

4. พื้นผิว

นอกเหนือจากความหนาบาง วัสดุและขนาดถุงยางอนามัยแล้ว อีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามคือ ผิวสัมผัสของถุงยางอนามัย ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • พื้นผิวเรียบ (Plain) คือ ถุงยางแบบมาตรฐานทั่วไป
  • พื้นผิวขรุขระ คือ ถุงยางอนามัยที่มีการปรับแต่งผิวสัมผัสให้เป็นปุ่ม (Ribbed), ขีด (Dotted) หรือแบบปุ่มและขีดในอันเดียวกัน (Ribbed&Dotted)

โดยผิวสัมผัสเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยเพิ่มสีสันในกิจกรรมรัก ทำให้คู่รักของคุณรู้สึกเสียวและฟินมากยิ่งขึ้น ในขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์

สรุป

สรุปขนาดถุงยาง

กิจกรรมรักถือว่าเป็นกิจกรรมเพิ่มความสัมพันธ์ที่สร้างความสุขกันทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น การที่เราสามารถเลือกขนาดถุงยางได้อย่างเหมาะสมและพอดี ก็จะช่วยให้กิจกรรมรักสนุกมากขึ้น รวมถึงความปลอดภัยจากปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาได้ ดังนั้น เมื่อคุณรู้วิธีดูไซส์ถุงยางแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมวัดไซส์ถุงยาง เพื่อที่จะได้เลือกซื้อถุงยางไซส์ที่ถูกต้องกันนะ

ติดต่อซื้อสินค้า Code For Men ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้